HomeView All Posts (Page 11)

View All Posts

สลัดคราบร้านกาแฟสีขาวที่เคยคุ้นของชาวเอกมัย กับโลเคชั่นใหม่ที่มาพร้อมลุกโปร่งโล่งสบายกว่าเดิม คงคอนเซปต์กาแฟดี แต่คราวนี้มีอาหารมาเสริมทัพ ทั้งอาหารเช้า ข้าว พาสต้า สลัด แซนด์วิช ที่ระดับความอร่อยไม่แพ้กาแฟเลย! - ห่างจากร้านเดิมแค่ไม่กี่ร้อยเมตร แต่ Kaizen ร้านใหม่ก็เปลี่ยนลุกจากคาเฟ่สีขาวล้วนห้องเล็ก มาเป็นตึกสองชั้นติดกระจกรอบทิศ ที่เปิดให้แสงผ่านเข้ามาเพิ่มความรู้สึกโปร่งสบายกว่าร้านเก่า ส่วนการตกแต่งก็เน้นสีเทากับไม้ พร้อมต้นไม้ที่ให้ความเขียวและบรรยากาศที่อบอุ่นขึ้นกว่าเดิม ไคเซนยังคงเสิร์ฟกาแฟคุณภาพที่นักดื่มไว้ใจได้ โดยมีเมล็ดกาแฟให้เลือกทั้งแบบซิงเกิลออริจินสำหรับฟิลเตอร์ (160-180 บาท) และกระทั่งกาแฟเบสเอสเพรสโซ (120-160 บาท) ก็ยังมีให้เลือกถึง 4 แบบ เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเขาจริงจังเรื่องกาแฟไม่แพ้ใคร นอกจากเมนูกาแฟปกติแล้ว อีกสิ่งที่สร้างชื่อให้ไคเซนมาตั้งแต่แรก ๆ คือกาแฟไนโตร (160-200 บาท) ที่เลือกเมล็ดได้เช่นเดียวกับกาแฟเบสเอสเพรสโซ ส่วนใครชอบแบบหวาน ๆ เย็น ๆ ก็ไปโดนเมนูกาแฟ+ไอศกรีมกันได้ ไฮไลต์ของร้านใหม่นี้สำหรับเราคือเมนูอาหารที่มีเพิ่มขึ้นมา ซึ่งได้เชฟนาถ เชฟฝีมือดีจากอุดรธานีมาคุมครัว โชว์ผลงานการทำขนมปังซาวร์โดทั้งสำหรับเมนูแซนด์วิชหน้าเปิดต่าง ๆ และมัฟฟินที่มาในจาน Eggs

Read More

พุ้ยข้าวต้มคู่กับข้าวเชฟระดับเซียน ศุกร์เย็นก่อนหยุดยาว กับข้าวต้มเฉพาะกิจ พร้อมกับข้าวอย่างหมูโคตรกรอบของเชฟตาม ยำไข่มดแดงรมควันของเชฟหนุ่ม หอยปีกนกนึ่งเชฟแรนดี้ หอยนางรมทอดเชฟปริญญ์ และปูก้ามโตผัดพริกของเชฟชาลี ตอนสองของซีรีส์ข้าวแกงที่ร้าน Surface ครั้งนี้ แค่เห็นชื่อ “ข้าวต้มกุ๊ย โดย หลานตาม น้าชาลี ลุงหนุ่ม ป๋าปริญญ์ กู๋ฟร้อนท์” ก็เราทำกดจองแบบไม่รอท่า เพราะกลัวจะไม่ทันเหมือนครั้งที่แล้ว แน่นอนว่าใครก็อยากชิมอาหารของเชฟฝีมือดีอย่าง เชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ แห่ง Pop up project ป๊อปอัพโปรเจค ผู้ชนะท็อปเชฟ ไทยแลนด์ เชฟชาลี กาเดอร์ แห่ง Surface และ 100 Mahaseth เชฟปริญญ์ ผลสุข จากสำรับอาหารสุดฮอตอย่าง สำรับสำหรับไทย และร้านข้าวแกง Someday Everyday เชฟแรนดี้ นพประภา จากร้าน Fillets และ Mrs.Wu และเชฟหนุ่ม วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ เจ้าของร้าน Samuay & Sons จากแดนอุดรฯ ซึ่งแน่นอนว่าเปิดให้จองได้ไม่นาน โต๊ะทั้งหมดก็เต็มไปตามคาด คอนเซปต์คือเชฟทั้ง 5

Read More

48 Hours in Helsinki [Spreads x POHZ] ขาว หนาว ฟิน เฮลซิงกิ 48 ชั่วโมง หลังจากที่พาไปชมเกาะ Suomenlinna มาก่อนแล้ว ก็ได้ฤกษ์ไปเหยียบเมืองหลวงของฟินแลนด์อย่างเฮลซิงกิ ที่เราเลือกใช้เวลาไม่มากไม่น้อยอยู่ 2 วัน แต่เต็มอิ่มทั้ง 48 ชั่วโมง ก่อนเดินทางไปก็คิดว่าอากาศคงจะไม่หนาวเท่าไร​ เพราะเป็นช่วงย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ คงไม่มีหิมะให้ดู แต่พอมองผ่านหน้าต่างเครื่องบินออกไปตอนแลนดิ้งก็เห็นเมืองขาวโพลนปกคลุมไปด้วยสีขาวของหิมะทั้งเมือง ความหนาวยังไม่ปะทะกับเราจนนั่งรถไฟถึงตัวเมืองแล้วพบว่าลมแรงจนจะแข็งตายได้ที่หน้าสถานีรถไฟ แต่นั่นยังไม่พีคเท่ากับการเดินลากกระเป๋าเดินทางไปยังโรงแรมที่แสนจะทุลักทุเลเพราะบนทางเท้าที่เต็มไปด้วยก้อนกรวด แต่แน่นอน ความหนาวเหน็บแค่ไหนก็หยุดเราไม่ได้ เพราะทันทีที่ถึงโรงแรม เราก็เปิดกระเป๋าดึงโค้ชตัวหนามาสวมก่อนออกไปพักจิบกาแฟกินครัวซองต์ พร้อมตั้งสติและวางแผนเที่ยว ใช่! วางแผนกันตอนนี้แหละ! DAY 1 [caption id="attachment_5316" align="aligncenter" width="1024"] Helsinki Central Station[/caption] ด้วยความที่สถานที่เที่ยวส่วนใหญ่อยู่ใจกลางเมือง อารมณ์ติสต์ของเราก็มาพร้อมกับแผนการเดินทางเที่ยวเมืองไปเรื่อย ๆ เพราะระบบขนส่งมวลชนของเมืองดีงาม มีทั้งรถไฟบนดินออกจากเมือง รถไฟใต้ดินวิ่งในเมืองและเขตรอบ ๆ เมือง มีรถราง

Read More

พุดดิ้งเก๋ากี้ที่นี่ไม่เดียวดายอีกต่อไป เพราะพาเพื่อนสารพัดทอปปิงมาเพียบ ร่วมด้วยโทสต์หมูหยองไข่เค็มลาวา ลาเต้ใบบัวบก น้ำส้มจี๊ด และหลากเครื่องดื่มจีน ๆ --- เพราะว่าคนชอบของหวานที่ร้านกันนัก ก็เปิดร้านของหวานมันซะเลย! เราถามหุ้นส่วนคนหนึ่งของ Ba Hao Tian Mi ร้านขนมใหม่แกะกล่องขนาดกะทัดรัดในซอยเท็กซัส เยาวราช ว่าทำไมเลือกขยาย Ba hao 八號 ร้านอาหารกึ่งบาร์และโฮสเทลในซอยนานา เจริญกรุง ออกมาเป็นร้านของหวาน ซึ่งคำตอบก็ยิ่งกว่าชัดเจนในใจเรา ใช่ เราก็เป็นคนหนึ่งที่สั่งพุดดิ้งน้ำเชื่อมเก๋ากี้ของร้านนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกมาแล้วหลายครั้ง ด้านบนกรอบประตูกลมติดไฟนีออนดัดเป็นชื่อ Ba Hao Tian Mi ส่วนถัดขึ้นไปก็เป็นเลข 8 ยังคงคอนเซปต์บ้าน “เลขที่ 8” พร้อมสร้อยคำว่า “หวาน” เข้าไปให้รู้ว่าหลังนี้เน้นขนม ถึงจะร้านเล็กกว่าร้านพี่มาก แต่ยังคงให้กลิ่นอายความจีนออกมาผ่านทางการออกแบบ ตกแต่ง ไปจนถึงของประดับ ถ้วยชาม และคอสตูมพนักงาน เมนูของหวานที่นี่ก็ขยายเพิ่มขึ้นมาจากร้านแรก ใครติดใจพุดดิ้งเก๋ากี้ (108 บาท) พุดดิ้งถั่วเหลืองเนื้อเนียนกับน้ำเชื่อมเก๋ากี้หวานละมุนพอดีสูตรปาเฮ่า ก็มาสั่งกินที่นี่ได้ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ

Read More

ใครเคยพลาดเบอร์เกอร์สุดคราฟต์จาก Homeburg ไปแล้ว อย่าพลาดซ้ำสอง เพราะไทกิ เจ้าของสูตรเบอร์เกอร์สุดเป๊ะกลับมากับร้าน Bun Meat and Cheese พร้อมเบอร์เกอร์ที่ไม่เวิ่นเว้อ เน้นขนมปัง เนื้อ และชีส ตามชื่อร้าน  เราว่ากินเปล่า ๆ มีขนมปังสตีมนุ่มเบาหอม พร้อมขอบกรอบ ๆ แพตตี้เนื้อมีเดียมที่ทั้งความสุกและความมันกำลังดี กับชีสละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน หอมมันหอมเนย กับรสชาติเกลือพริกไทยเท่าที่ปรุงมาก็ดีแล้ว แต่เพิ่มหอมเจียว หอมผัด กับเบคอนกรอบ ๆ ก็ยิ่งสุดเข้าไปใหญ่ นอกจากนี้เขายังมีแตงกวาดอง พริกฮาลาเปนโยดองให้เลือกเพิ่มได้ด้วย ส่วนผักก็แยกไม่ให้กวนใจ ให้หยิบเองได้เท่าที่ต้องการ เย้! สรุปว่าเป็นเบอร์เกอร์ DIY ที่มาเปลือยเป็นขนมปัง เนื้อ ชีส (เริ่มต้นที่ 320 บาท) จะเพิ่มซอส เพิ่มท็อปปิ้งอย่างเบคอน หอมเจียว แตงกวาดอง พริกฮาลาเปนโย ให้ถูกใจก็ได้ หรือจะสั่งเป็นแบบ Homeburg (380

Read More

เพราะว่าร้านขนมอร่อย ๆ จะมีสักกี่ร้านก็ไม่เคยพอ! และยิ่งเป็นคนคุ้นเคยอย่างเชฟเปเปอร์-อริสรา จงพาณิชกุล เปิดร้านขนมโดยเฉพาะขนาดนี้ ก็รับรองได้ว่าทั้งความอร่อยและความน่ารักไม่เป็นรองใคร แต่ก่อนที่เราจะพาไปทำความรู้จักกับประวัติที่น่าตื่นตาตื่นใจของเธอ ตามมาชิมขนมของร้าน ICI กันก่อนแล้วกัน หลังจากตกลงได้วันเวลาที่จองร้านแล้ว เชฟก็ส่งเมนูขนมมาให้เลือกล่วงหน้า ใช่! ร้านนี้นอกจากจะต้องจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนไปกิน ก็ต้องสั่งขนมไว้ก่อนเลยด้วย เพราะเชฟจะได้กะเวลาและปริมาณของที่ต้องทำ ทำให้เราได้กินขนมที่อร่อย ในช่วงเวลาที่มันอร่อยที่สุด นึกภาพชูกรอบ ๆ ที่ตากลมทิ้งไว้นานจนเหนียว หรือบีบครีมใส่ไว้นานจนเละ ก็คงไม่ค่อยน่ากินเท่าไรแล้ว พูดได้เลยว่าขนมที่นี่มีดีที่หน้าตา เพราะตั้งแต่เชฟส่งเมนูมาให้ดู เราก็เสพอาหารตาจนแทบเลือกไม่ถูกแล้ว แต่พอเลือกได้แล้วไปชิมจริง ๆ ก็พบว่า ไม่ได้มีดีแค่ที่หน้าตาอย่างเดียว ตั้งแต่ Yuzu Cornet (225 บาท) ไอศกรีมโคนหลอก ๆ ที่จริง ๆ เป็นทาร์ตส้มยูซึ เชฟเลือกทำออกมาเป็นแนวตั้งแทนทรงทาร์ตแบน ๆ ตามปกติ แล้วปาดทับด้วยเมอแรงก์เผาไฟพอให้มีสี แนวเดียวกับทาร์ตเลมอนที่เคยเห็นบ่อย ๆ นั่นแหละ แต่ความพิเศษไม่ได้จบอยู่ที่การทำเป็นทรงใหม่

Read More

เวลาใครถามหาร้านเค้กออนไลน์ Bite Me Softly มักเป็นชื่อแรก ๆ ที่เราแนะนำบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่สั่งออนไลน์มาส่งถึงบ้านอย่างเดียว แต่เราก็พบเจอขนมเจ้านี้ในคาเฟ่และร้านอาหารที่วางใจหลาย ๆ ร้าน นี่เป็นเหตุผลที่เราดีใจเป็นพิเศษ เมื่อได้ยินว่าแบรนด์ขนมที่ซุ่มเชียร์หลายปีได้ฤกษ์เปิดร้านของตัวเอง และถึงแม้จะไม่เคยชิมอาหารฝีมือเช้า-ต่อจันทน์ แคทริน บุณยสิงห์ เชฟเจ้าของร้าน แต่หนังสือสูตรอาหารสองเล่มและบรรดาพายต่าง ๆ ที่เธออบขายออนไลน์ก็ยั่วยวนจนเราไปถึงบ้านในตรอกหนึ่งบนถนนพระสุเมรุ       แล้วเราก็ไม่ผิดหวัง   เพราะที่นี่ เชฟสาวตัวเล็กตั้งใจใช้ความสามารถที่เธอมี รวมกับความรู้ที่ขวนขวายหามาอย่างเต็มที่ และใจที่อยากให้คนกินได้รับแต่สิ่งดี ๆ ออกมาเป็นคาเฟ่ดีต่อใจที่ฝากท้องไว้ได้ทั้งกับอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม   ยิ่งฟังเรื่องของเธอเราก็ยิ่งสนใจ เธอเริ่มเข้าครัวตั้งแต่หัวยังไม่พ้นขอบหม้อ ช่วยที่บ้านเตรียมอาหารตั้งแต่เด็กผัก คนหม้อ จนกระทั่งอายุได้สิบเอ็ดปีก็เริ่มหัดทำขนมเองเป็นครั้งแรก และทำมาเรื่อย ๆ ถึงแม้พอจบมัธยมจะไม่ได้เข้าเรียนทำอาหารดั่งใจ เพราะครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่หลังจากเรียนจบปริญญาโทด้านการตลาดและทำงานหาเงินได้เอง เช้าก็ตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางสายอาหารของตัวเองด้วยการเข้าเรียนที่เลอ กอร์ดองเบลอ จนกระทั่งสมัครงานได้ในบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร หลังจากนั้นต่อจันทน์ก็เข้าสู่วงการอาหารอย่างเต็มตัว   ไม่น่าเชื่อว่า Bite Me Softly เกิดขึ้นมาได้เจ็ดปีแล้ว เริ่มจากการใช้เวลาว่างจากงานของเธอ ขายผ่านช่องทางออนไลน์

Read More

เขาว่ากันว่าคนที่มีอะไรคล้ายกันจะดึงดูดกัน ในเคสนี้เราว่าจริงตามนั้น เพราะความจริงจังด้านพาสตาของลาดอตต้า (La Dotta) ดึงดูดหัวใจรักพาสตาของเรามายังร้านน้องสาวที่คลอดตามกันมาติดๆ อย่าง ลาดอตตา ลากราสซา (La Dotta La Grassa) ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นน้องสาว แต่น้องคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะมีพื้นที่กว้างขวางกว่าแล้ว ยังมีความสวยแกลม น่ารักขี้เล่นขึ้นอีกหลายขุม ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงเรียกได้ว่ามีความซับซ้อนน่าค้นหาคนหนึ่งเลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่หน้าร้านโทนสีน้ำเงินสดตัดชมพูอ่อนด้านในร้าน แซมด้วยความแวววับของเครื่องประดับสีทอง กับการสะท้อนของกระจกและหน้าต่าง ก่อนจะประกาศความขี้เล่นก๋ากั่นออกมาอย่างไม่เหนียมอายด้วยไฟนีออนสีชมพูสด! มาตอนกลางวันได้ลุกใส ๆ แต่กลางคืนเธอก็จะแซ่บได้เหมือนกัน แน่นอนว่าเธอไม่ได้ดูสลับซับซ้อนขึ้นแต่เฉพาะภายนอกเท่านั้น แต่รวมถึงเมนูอาหารที่หลากหลายขึ้นมากจากร้านพี่สาว จนเรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารอิตาเลียนเต็มรูปแบบที่ครอบคลุมอาหารทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็น ด้วยเวลาเปิดร้านที่ยาวตั้งแต่หกโมงครึ่งไปจนถึงห้าทุ่ม นี่ยังไม่รวมว่าถ้าไม่หิวเท่าไรแต่กระหายแอลกอฮอล์ขึ้นมาก็มานั่งดริงก์กันได้ทั้งไวน์และค็อกเทลด้วย แต่ทั้งหมดทั้งมวล ทีเด็ดของร้านยังอยู่ที่พาสตา โดยโลโก้ร้านนี้เป็นพาสตาคองคิเย (conchiglie) รูปเปลือกหอย ที่บอกใบ้เราเป็นนัย ๆ ถึงพาสตาทำเองของร้าน ซึ่งมีมากกว่าพาสตาสดทำมือของร้านลาดอตตา (ที่ใช้โลโก้เป็นรูปตอร์เตโลนี [tortelloni] พาสตาห่อไส้) โดยร้านใหม่ได้อิมพอร์ตเครื่องทำพาสตายี่ห้อ La Monferrina มาจากอิตาลี ที่เขาว่าเป็นระดับเฟอร์รารีของวงการเครื่องทำพาสตาโดยใช้แป้งที่เลือกมาพิเศษจากอิตาลี ฟังแค่นี้เราก็ตื่นเต้นแล้ว พอมาชิมจริง ๆ ยิ่งตื่นเต้นกว่า

Read More

ตอนเพื่อนส่งลิงก์ Homeburg มาให้ ต่อมความสงสัยก็กระตุกทันทีว่าเบอร์เกอร์เจ้านี้มีดียังไง จนลองสืบไปก็พบว่าเบอร์เกอร์เจ้านี้ยังไม่มีร้านรวงเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ยังอยู่ขั้นทดลองสูตรที่เปิดให้จองเข้าไปลองชิมเรื่อยๆ ที่สำคัญยัง “ใจถึง” ขนาดให้ลูกค้าจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ที่อยากจ่าย! แต่ถึงจะอยู่ในขั้นทดลอง การจองเข้าไปกินเบอร์เกอร์เจ้านี้เรียกได้ว่ายากเย็นพอๆ กับการจองตั๋วคอนฯ ดังๆ เลยทีเดียว เพราะช่วงค่ำคิวเต็มยาวไปถึงสิ้นเดือนนี้แล้ว แถมต่อจากนั้นก็ยังไม่รู้จะเปิดให้จองอีกไหม โชคดีทีมเรามือไวจองไปกินในรอบบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา ความรู้สึกการเดินเข้าไปกินเบอร์เกอร์เจ้านี้ออกจะแตกต่างจากการกินปกติ เพราะรอบนี้เราเดินผ่านร้านอาหารต่างๆ พุ่งตรงไปยัง Hubba-to โคเวิร์กกิงสเปซรางวัลดีไซน์ระดับโลกเพื่อไปยัง Food Lab สตูดิโอทดลองทำอาหารของที่นี่ ด้วยความที่มาครั้งแรก การเปิดประตูเงอะงะของเราทำให้ ไทกิ-รัตนพงศ์ ซูโบต้า ผู้ริเริ่ม Homeburg และเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่าง จอม-ฉันท์ทัต ศิริมงคลเกษม มาช่วยเปิดประตูกระจกบานใหญ่ให้ และบทสนทนาของลูกค้าผู้อยากรู้อยากเห็นอย่างเรากับคนทำเบอร์เกอร์ก็เริ่มต้นขึ้น “นึกครึ้มอะไรถึงเริ่มทำเบอร์เกอร์ และทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วย?” เรายิงคำถามตั้งแต่ยังเตรียมอุปกรณ์จดไม่เสร็จ “ผมอยากทำเบอร์เกอร์กินเองครับ” ไทกิตอบแบบไม่อ้อมค้อม โดยความอยากนี้เริ่มขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวคิดถึงสารพัดอาหารมันย่องที่เคยกินเมื่อครั้งไป ‘work and travel’ ที่รัฐวอชิงตันในสหรัฐฯ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเบอร์เกอร์ “ผมตระเวนกินเบอร์เกอร์ร้านต่างๆ ในกรุงเทพฯ แล้วก็พบว่ามันอร่อยแหละ แต่ผมจะติดเรื่องขนมปัง ผมเริ่มอยากกินเบอร์เกอร์ที่เนื้อขนมปังเนื้อไม่แน่นหรือหนักเนยเหมือนร้านอื่นๆ

Read More

TE Time and Space หยุดเวลาแห่งชาไว้ที่ทองหล่อ ช่วงหลังมานี้ นอกจากวัฒนธรรมกาแฟที่เติบโตขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ในบ้านเรา การดื่มชาก็เริ่มเข้ามาอยู่ในไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เราได้สัมผัสสกับร้านชาที่จริงจังในเรื่องวิถีแห่งชามากขึ้นตามไปด้วย นอกจากร้านชาแล้ว แบรนด์ชาเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ทำเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ มีมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือแบรนด์ TE ที่หลายคนคุ้นตาเพราะอาจจะเคยไปเจอในอีเวนต์ และตลาดนัดต่าง ๆ ในคลาสสอนชงชาที่ The Commons หรือผ่านเฟสบุ๊คและอินสตาแกรมของ @thetepot เอง ข่าวดีคือตอนนี้ไม่ต้องคอยติดตามว่าจะไปเจอร้านได้ที่อีเวนต์ไหนบ้างแล้ว เพราะ TE เขาเปิดร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ของตัวเองในซอยทองหล่อ 25 เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนรักชาในย่านนี้ เราเดินจากปากซอยทองหล่อ 25 เข้ามาที่ร้าน TE Time and Space ที่ตั้งอยู่ในซอยย่อยอีกที (แต่ไม่ลึกมาก เราใช้เวลาเดินไม่เกินห้านาที) รู้ตัวว่ามาถึงแล้วเมื่อเห็นกระดานไม้ชื่อร้านตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ว่ามาถูกที่แล้ว ก่อนจะได้รับการต้อนรับจากสีเขียวของสาระพัดเฟิร์นประดับประดาหน้าตึกแถวหนึ่งคูหาที่เป็นที่ตั้งของร้าน เพียงก้าวเข้าไปก็ได้ยินเสียงของ ปลา-นันธิดา รัตนกุล เจ้าของร้านที่ทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสจากในเคาน์เตอร์ไม้

Read More