HomeView All Posts (Page 8)

View All Posts

[caption id="attachment_10707" align="aligncenter" width="1024"] Flamed Oyster[/caption] ลอดท้องเรือกินอาหารทะเลโมเดิร์น เมนูหอยคือพีคสุดLord Jim’s ที่เรารู้จักก่อนหน้านี้คือห้องอาหารบุฟเฟต์ของแมนดารินโอเรียนเต็ล โรงแรมตำนานริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผ่านหูผ่านตาเด็กเจริญกรุงอย่างเรามานับครั้งไม่ถ้วน แต่การปิดปรับปรุงไปนานร่วมปี พร้อมมากับลุคใหม่ และ Chef de Cusine คนใหม่อย่าง Nicholas Gannaway คุมเมนูใหม่ทั้งหมดของร้านภายใต้คอนเซปต์ Modern seafood ก็ทำเอาเราใจเต้นอยากรู้จักกับ Lord Jim’s มากขึ้น เพราะเชฟอายุน้อยรายนี้เคยผ่านงานร้านอาหารระดับโลกอย่าง Noma มาแล้ว แถมเทคนิคที่ใช้กับเมนู a la carte ของมื้อค่ำอย่างจานหอยยังทำเราติดใจหนักขึ้นไปอีก ที่ติดอยู่ในหัวเราชัดเลยเห็นจะเป็นเมนูหอยนางรม Flamed Oyster กับเมนู Scallop ที่เราว่าเป็นผสมผสานการปรุงอาหารแบบยุคเก่ากับเทคนิคใหม่ที่ทำให้วัตถุดิบทั้งคู่ออกมาอร่อยสุดๆ แค่จานแรกอย่าง Flamed Oyster เชฟนิคก็เซ็ตซีนทั้งหมดของดินเนอร์ด้วยกรรมวิธีการปรุงหอยนางรมแบบฝรั่งเศสกับลูกเล่นวัตถุดิบของเชฟที่นำผลไม้รสเปรี้ยวอย่างแอปเปิลเขียวและมะเฟืองมาหั่นชิ้นเล็กโรยไว้บนหอยนางรม Gillardeau จากฝรั่งเศสท็อปด้วยหัวผักกาดฝานสดกับน้ำส้มราสพ์เบอร์รี ก่อนที่เชฟจะหยิบทีเด็ดจากเตาถ่านด้านหลัง หมัดเด็ดที่ว่าคือ Flambadou

Read More

ไม่กินเนื้อก็ไม่จำเป็นต้องกินแค่สลัดบาร์อีกต่อไป! ปีที่แล้วเราชิมเบอร์เกอร์ Beyond Meat ครั้งแรก ตอนเปิดตัวในไทยใหม่ ๆ (ตามไปอ่านได้ที่ ) หลังจากอเมริกาสร้าง plant-based meat แล้วเป็นกระแสดังไปทั่วโลก ถึงเราจะไม่ได้กินมังสวิรัติเป็นหลัก แต่คิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนที่น่าสนใจ อย่างน้อยก็ให้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีกว่าหมูไก่เจที่เคยกินทั่วไป รวมกับเวลาเพื่อนนัดกันไปซิซซ์เลอร์ แล้วเราก็เลือกกินแต่สลัดบาร์เพราะไม่อยากกินเนื้อ แต่เคยรู้สึกไหม บางทีที่มันอิ่ม แต่แอบโหวงเหวงในความรู้สึก เพราะว่าใจมันสะกดตัวเองว่าไม่ได้กินอาหารจานหลัก พอเห็นว่าซิซซ์เลอร์มีเป็นตัวเลือกนี้เพิ่มขึ้นมา เราก็สนใจ แต่ว่ากันตรง ๆ เมื่อตอนที่มันเข้ามาอยู่ในเมนูครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วราคามันค่อนไปทางสูงแบบที่ทำให้คนกินเนื้ออย่างเราตัดใจจากเนื้อยังไม่เคยได้ แต่ข่าวดีตอนนี้ซิซซ์เลอร์เขาออกเมนูมาใหม่แล้ว ราคาดีกว่าเดิม (และเพื่อนที่เคยกินตอนเมนูแรกก็บอกว่าอันนี้รสดีกว่าเดิมด้วย)! มีให้เลือกสองจานด้วยกัน Beyond Caramelized Burger with Spicy Coleslaw (399 บาท)เป็นเบอร์เกอร์วีแกนทั้งชิ้นที่อร่อยเลย นอกจากตัวแพตตี้ที่เป็นบียอนด์มีตแล้ว ยังมีชีสวีแกนที่เพิ่มความกลมกล่อมให้เบอร์เกอร์ชิ้นนี้มีชีวิตจิตใจเป็นเบอร์เกอร์ขึ้นมามาก ๆ เราชอบที่เขาเลือกใส่มะเขือม่วงกับซอสมะเขือเทศสับติดเผ็ดนิด ๆ มาตัดเลี่ยน ตอนเราชิมไม่ชอบอยู่อย่างเดียวคือกลิ่นมาการีนที่เดาว่าทาขนมปังมา ถ้ามีโอกาสจะบอกว่าขอไม่ทา รวม ๆ แล้วให้ความอิ่มเอมแบบเบอร์เกอร์ได้ ยอมให้เรียกตัวเองว่าเป็นเบอร์เกอร์ได้โดยไม่กระดากปากเลย Omni Curry Steak

Read More

ค็อกเทลแมงดา แม่เป้ง หนอนไหม และหนอนด้วงสาคู!-ถือว่าเป็นภาคต่อของเมนู Explorer ก็ไม่ผิด เพราะจากในเมนูที่ Liberation พาออกสำรวจรสชาตินั้นมี แมงดา เป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้ว ครั้งนี้นอกจากแมงดาจะมากับส่วนผสมใหม่ ก็ยังพาเพื่อนมาอีกสามตัว สามรสชาติ สามแก้วกันไปเลย “แมลงมักถูกพูดถึงในเรื่องการเป็นแหล่งโปรตีน และอาหารแห่งอนาคต มีการศึกษาเรื่องข้อมูลโภชนาการและการเพาะเลี้ยงเยอะมาก แต่ไม่ค่อยมีใครศึกษาเรื่องรสชาติเลย” โจอี้-กฤษฎ์ ประกอบดี บาร์เทนเดอร์ของร้านลิเบอเรชันเราให้เราฟัง แน่นอนว่าเขา กอฟ-กิติบดี ช่อทับทิม และทีมงานหลังบาร์ที่นี่อาสาศึกษาเรื่องราวรสชาติของแมลงด้วยตัวเอง จนเป็นที่มาของเมนูใหม่นี้ เราเริ่มตื่นเต้นตั้งแต่แก้ว Waterbugs (440 บาท) ที่มาในเวอร์ชัน 2 ใช้เบสเป็น Lanna Thai Spirit ผสมกับแมงดากลั่น และ NAMMON แบรนด์โทนิกไทยที่ทำโทนิกรสแมงดาขึ้นมาสำหรับที่นี่โดยเฉพาะ ถ้าคาดหวังกลิ่นฉุนแบบแมงดา เราว่ามีผิดหวัง เพราะพอกลั่นออกมาแล้วเหลือเฉพาะกลิ่นหอมหวาน แก้วนี้เลยสดชื่นดื่มง่ายสวนทางกับชื่อแมงดาไปเลย ส่วน And An Ant (440 บาท) นี่ฟังแค่ชื่อก็สนุกแล้ว

Read More

Guss Cookie Bar เป็นหนึ่งในร้านไอศกรีมของ Guss Damn Good ที่พาคุกกี้และท้อปปิ้งอื่น ๆ มาร่วมกับไอศกรีมให้กินได้สนุกขึ้น ถูกใจคนรัก ice-cream sandwich ที่สุด!

Read More

'โจ๊กฮ่องกง' คือที่สุดความละมุนที่เราชอบ แต่ครั้นจะบินไปฮ่องกงบ่อย ๆ เพื่อไปกินโจ๊กก็เกินไปหน่อย โชคดีที่ในกรุงเทพฯ เรามีร้านโจ๊กฮ่องกงอยู่หลายร้าน เราเลยอาสาจับมารวมไว้ให้คอโจ๊กไปชิมกัน  สำหรับเรา โจ๊กฮ่องกงมีจุดเด่นที่ความข้น เนียน ต่างจากโจ๊กทั่วไปในบ้านเรา รวมกับความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และรสชาติที่ออกจะละมุน เบา ๆ กว่าโจ๊กไทยที่จะปรุงเค็มลงไปในตัวโจ๊กเยอะกว่า แค่คิดถึงความนุ่มเนียนของข้าวที่เคี่ยวจนฟู บาน ละลายลงไปผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำต้มข้าวเราก็ท้องร้องโจ๊ก ๆ แล้ว และนี่คือพิกัดร้านที่เราคิดว่าจัดจ้านในย่านกรุงเทพฯ ให้ทุกคนประทังความอยากโจ๊กสไตล์ฮ่องกงได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล ส่วนคอโจ๊กคนไหนมีร้านเด็ดในดวงใจที่เรายังไปไม่ถึง บอกต่อกันมาหน่อยนะ! (แล้วเราจะมาอัพเพิ่มเรื่อย ๆ ถ้าใครมีร้านโจ๊กฮ่องกงอร่อย ๆ อยากแนะนำ ส่งเมสเสจมาบอกเราในเพจได้เลย) Golden Bowl โจ๊กอันดับหนึ่งในใจเราของกรุงเทพฯ ที่ครองใจมาหลายปีแบบไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยตัวโจ๊กที่ทั้งหอมข้าวแบบสุด ๆ ตีมาเนื้อเนียน ๆ ข้น ๆ รสชาติอ่อน ๆ ละมุน ตามสไตล์ฮ่องกง และถ้าใครชอบตับด้วยเราขอให้สั่ง เพราะตับที่นี่หั่นชิ้นหนาและลวกมาแบบกำลังสุกพอดี นุ่ม ๆ

Read More

โค้งสุดท้ายสุดสัปดาห์นี้หมดแล้วนะ!-ใครยังไม่ได้ไปงาน Bangkok Design Week 2020 เมื่อสัปดาห์ก่อนไม่เป็นไร สุดสัปดาห์นี้ยังมีเวลาให้แก้มือถึงวันอาทิตย์นี้ ถ้าใครติดตามจะรู้ว่างานมีจัดทั้งเจริญกรุง อารีย์-ประดิพัทธ์ และย่านทองหล่อ-เอกมัย แต่เราว่ายังไงย่านเจริญกรุงก็ยังมาแรง โดยเฉพาะกับงานนิทรรศการ และอินสตอลเลชั่น ถ้าใครยังไม่ได้ทำการบ้านสำหรับย่านเจริญกรุง เรามีจุดเช็คอินสำหรับสายถ่ายรูปมาชี้เป้าที่รับรองว่าดีงามจนไม่อยากให้เทศกาลนี้จบเลย จริงๆ ยังมีสถานที่เช็คอินอีกเยอะที่อยู่ในเจริญกรุงและย่านอื่นๆ ทั่วเมือง ทำเอาเราไปไม่หมดจริงๆ ยังไงลองเข้าไปดูแผนที่รวมได้ที่ลิงก์นี้  แล้วก็เริ่มแพลนได้เลย! One More Thingเป็นหนึ่งนิทรรศการที่เราชอบสุดในงานเลยก็ว่าได้ จากงานออกแบบของสตูดิโอที่ปล่อยลูกบ้าสุดตัวอย่าง 56th Studio ของดีไซเนอร์ ศรัณย์ เย็นปัญญา ก็ได้ฤกษ์ปล่อยแบรนด์ One More Thing Patternbreaker ที่ให้นิยามตัวเองว่าเป็น Pattern Breaker ตัวนิทรรศการนี้เต็มไปด้วยผ้าทอลายกราฟฟิกสุดกวนของศิลปิน โดยเฉพาะงานของ ลักษณ์ ใหม่สาลี วางพาดกันไปมาจนกลายเป็นเหมือนห้องเล็กๆ อยู่ในห้องอีกที แต่ละห้องจะมีบอลกระจกแขวนส่องประกายกระทบลายทำให้ถ่ายรูปสนุกจริงๆ ชั้นสองยังมีกระเป๋าหลากหลายลายวางขายในราคาพิเศษเปิดตัวเฉพาะงาน Bangkok Design Week

Read More

Philtration ไม่ได้ลับตามกระแส แต่ว่าอยู่สุดซอย ชั้นใต้ดิน​ และบรรยากาศดี!- ใครที่ไม่เคยไปซอยเกษมสันต์ 3 หรือเคยได้ยินชื่อร้านอาหารบ้านหมอมี อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านที่เคยเป็นต้นกำหนดยาหมอมีในตำนานจะเปิดให้คนเข้าเยี่ยมชมโดยมีทั้งคาเฟ่ และร้านอาหาร รวมทั้งมินิมิวเซียมด้านหลัง แม้แต่คนที่เคยไปเยี่ยมชมบ้านหลังนี้มาแล้วอย่างเรายังไม่เคยรู้เลยว่าที่นี่มีชั้นใต้ดินอยู่ด้วย แถมตอนนี้ยังมีบาร์เปิดใหม่อยู่ข้างในอีกต่างหาก พอเข้าไปได้ก็พบกับตัวบาร์ที่ทำเราร้องว้าวเบา ๆ กับความสวยแปลกตา ตัวร้านเป็นเหมือนห้องรับรองลับ สไตล์สปีกอีซี มีเก้าอี้หนังสีเขียวเข้มตั้งสง่าอยู่บนพื้นกระเบื้องสไตล์โบราณที่ริ้วรอยเหมือนผ่านกาลเวลามายาวนานพอ ๆ กับตำนานบ้านกว่าร้อยปี ด้านขวาเดินผ่านโค้งประตูโครงเหล็กเผยให้เห็นโซนหน้าบาร์ แต่หากเดินลึกเข้าไปด้านในก็มีโซฟายาวพร้อมพื้นหลังสีเขียวสดชื่นที่สามารถรับรองกลุ่มกว่าสิบคนแบ่งเป็นมุมส่วนตัวได้ ส่วนด้านซ้ายเป็นกำแพงและหน้าต่างที่มีคราบความเก่าเข้ากับเพดานไม้ที่ได้รับการขัดเงาดูแลเป็นอย่างดี ดูก็รู้ว่าดีไซเนอร์ตั้งใจเก็บดีเทลทุกอย่างของห้องนี้ไว้แบบดั้งเดิมจริงๆ นะ-ณชพล เกษมสุวรรณ ทายาทบ้านหมอมีและหนึ่งในหุ้นส่วนร้านเล่าให้ฟังว่า ห้องนี้เดิมเป็นห้องที่หมอมีใช้เป็นที่ปรุงสูตรยาต่างๆ โดยมีคลองแสนแสบด้านหลังเป็นเส้นทางหลักที่ใช้ในการขนส่งออกไปขาย รวมทั้งยาอุทัยหมอมีก็ได้รับการผสมขึ้นที่ห้องใต้ดินนี้ด้วย เลยนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบบาร์ที่มีความเป็นร้านยาโบราณอยู่หน่อย ๆ ส่วนชื่อ Philtration ก็มาจากการคำว่า Philter ที่แปลว่า ยาเสน่ห์ ที่เอามาเล่นกับความเป็นมาของสถานที่ซึ่งเป็นบ้านของนักปรุงยาอย่างหมอมีนั่นเอง ถึงจะเป็นบาร์เปิดใหม่ แต่คนหลังเคาน์เตอร์ก็คือคนคุ้นเคยในวงการบาร์อย่าง Shavinraj Gopinath ที่ใช้ชื่อในวงการว่า The Fairy Godfather ซึ่งมีประสบการณ์ทำคลับดังๆ ในสิงคโปร์อย่าง

Read More

เคยจิบเนโกรนีที่ละลายแล้วแต่ยังอร่อยอยู่ไหม? คลาสสิกเนโกรนีแก้วนี้ที่ 1919 ทำให้เราต้องหันไปถาม เบล-ภารดี เฮดบาร์เทนเดอร์ของร้านว่า อะไรทำให้เนโกรนีบางแก้วอร่อยกว่าแก้วอื่น ทั้ง ๆ ที่เป็นค็อกเทลคลาสสิกสูตร 1:1:1 ที่ดูไม่ซับซ้อนอะไร “นอกจากเหล้าที่เลือกใช้ที่มีผลมาก ๆ แล้ว ข้อสำคัญในการทำเนโกรนีคือการคน เพราะว่าส่วนผสมจะเข้ากันแค่ไหน น้ำแข็งละลายเท่าไร อยู่ที่การคน ซึ่งเป็นขั้นตอนการชงขั้นตอนเดียวของค็อกเทลนี้” อันนี้เรียกว่าเสน่ห์ปลายบาร์สปูนก็คงไม่ผิด นี่แค่เนโกรนีตัวคลาสสิกเราก็ยังตื่นเต้นขนาดนี้ แล้วลองนึกดูว่าในเมนูก็ยังมีทวิสต์อีกหลายตัวให้เลือก ทั้งตัวที่ปาล์ม-ศุภวิชญ์ มุททารัตน์ หัวเรือใหญ่ฝั่งเครื่องดื่มของ Foodie Collection กลุ่มร้านอาหารเจ้าของร้านนี้ (รวมถึง Vesper, Il Fumo, La Dotta) นำไปแข่งในรายการ Campari Bartender Competition ที่เขาได้แชมป์ภูมิภาคมา ไปจนถึงตัวที่เอจในถังไม้ ใส่ทรัฟเฟิล และกระทั่งตัวดื่มง่ายสำหรับคนที่ยังไม่อิน ถ้าถามว่า 1919 เขาจริงจังเรื่องเนโกรนีขนาดไหน ก็บอกเลยว่าชื่อ 1919 มาจากปีที่มีเนโกรนีแก้วแรกเกิดขึ้น ผ่านมา 100 ปีพอดี และนอกจากจะเป็นบาร์ที่เน้นค็อกเทลคลาสสิกตัวนี้ ที่นี่ยังเป็นบาร์หลักของ Campari หนึ่งในส่วนผสมหลักของเนโกรนีอีก นอกจากเนโกรนีแล้วยังมีค็อกเทลตัวอื่นที่นำกลิ่นอายอิตาลีมาทวิสต์ ตัวที่ถูกใจเรามากคือ

Read More

มะม่วงปลาร้าโหน่ง กะเพราแห้ง และเอาะไข่ใส่ปลาร้าคืออร่อยเหาะ- พอได้ยินว่า เผ็ด เผ็ด ร้าน #อาหารอีสาน สุดเผ็ชในย่าน #อารีย์ เปิดสาขาใหม่แถวฝั่งธนฯ ที่แหล่งกินยอดฮิตอย่าง #ตลาดคลองลัดมะยม เราก็ใส่เข้าในลิสต์สิ่งต้องทำตอนปีใหม่แบบไม่ต้องคิดเยอะ (ไม่ใช่เรื่องเตรียมเช็คอินยิมไหนหรอกเราน่ะ) เพราะที่นี่ไม่ได้ขายเมนูเด็ดของเผ็ด เผ็ด อย่างเดียว แต่ ต้อม-ณัฐพงศ์ แซ่หู เชฟผู้เป็นคนต้นคิดเมนูจากบ้านเกิดนครพนม ได้หยิบความเป็นคลองมาเชื่อมโยงกับความเป็นท้องนาของภาคอีสาน พร้อมใส่ความทรงจำอาหารในวัยเด็กที่เคยกินเมื่อครั้งยังใช้ชีวิตย่ำในท้องนา จนออกมาเป็นจานชื่อแปลกหูจากวัตถุดิบง่ายๆ แต่อร่อยลืมเผ็ดไปเลยจา เอาจริงๆ เราก็คิดเมนูที่อยากกินจากบ้านมาระดับหนึ่ง แต่พอเจอเมนูเล่มจริงที่ร้านก็ทำเอาเมนูในหัวกระเจิดกระเจิงไปหมด เพราะไม่ว่าจะเห็นจานไหนก็น้ำลายสอไปหมด พอรวบรวมสติได้ก็ถามน้องที่ร้านที่แนะนำมาหลากไอเดีย ซึ่งแน่นอนเราก็แอบเอาแต่ใจมาหลายจานเหมือนกัน เอาแต่ใจสุดเห็นจะเป็นข้าวคั่ว #กากหมู (120 บาท) ที่ผัดมาแบบง่าย ๆ แต่ตักเพลินเกินอร่อยลืมข้าวเหนียวข้าวจี่ไปเลยเด้อ แน่นอนว่าแซ่บสุดบนโต๊ะคือ #ตำมะม่วง ปลาร้าโหน่ง (120 บาท) มาพร้อมน้ำ #ปลาร้าโหน่ง สุดนัวเข้ากับความเปรี้ยวของมะม่วงเคี้ยวสนุกแข่งความกรุบของปลากรอบที่โรยมาในจาน ส่วนตำข้าวปุ้น (80 บาท) และตำปลาร้ากุ้งสด (160 บาท) ที่โรยเม็ดกระถินมาท่วมจานก็ทำต่อมน้ำลายเหนื่อยมาก น้ำลายพุ่งไม่หยุด แถมกุ้งก็สดเด้งสู้ฟันสุดอะไรสุด มุดมาจานชื่อไม่คุ้นหูอย่างเอาะไข่ใส่ #ปลาร้า (130 บาท) ที่เราตัดสินใจลองเพราะอยากรู้รสชาติซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เอาะไข่ปรุงร้อนมาในกระทะหูจับแบบอบวุ้นเส้นที่เปิดมาพร้อมกับควันฉุย ส่วนความอร่อยทำเอาเรามองว่านี่เป็นมิติใหม่ของการกินไข่ตุ๋นชัด ๆ

Read More

ข่าวดีสำหรับคนรักอโวคาโด เมื่อร้านน้องใหม่ล่าสุดในอารีย์คือคาเฟ่อโวคาโดสีเจ็บที่มีชื่อกวนชวนงงว่า Oh! Vacoda  ก่อนจะไปรู้จักร้านมากกว่านี้ เราขอกรี๊ดเจ้า Avoothie (อ่านว่า อะวู้ตตี้, 150 บาท) สมูตตี้อโวคาโดเข้มข้น ผสมน้ำมะนาว ที่ฟินคือความครีมมี่หนาข้นเพราะปั่นแบบไม่ใส่น้ำแข็งเลย ได้อโวแบบเต็ม ๆ บอกเลยว่าห้ามพลาด! โอ้วาโคด้า มาจากการผวนแล้วผวนอีกของ อะโวคาโด พระเอกของร้านนี้ เป็นผลงานสีพีชชิ้นล่าสุดของหุ้นส่วนจากร้าน Porcupine Cafe ในย่านเดียวกัน เพียงพลอย-รุจิยาทร โชคสิริวรรณ เจ้าของร้านในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีเขียว-ขาว กับหมวกนิวส์บอย และรองเท้าหนังสีดำข้อสั้น เดินง่วนในร้านทำตั้งแต่ทักทายลูกค้า รับออร์เดอร์ ทำอาหาร เครื่องดื่ม เสิร์ฟ ไปจนถึงเก็บจานชามใช้แล้ว พร้อมกับบอม-วัชรพงษ์ ทองยาน เจ้าของร้านอีกคนซึ่งเป็นคนรักของเธอนั่นเอง “พวกเราเป็นหุ้นส่วนร้าน Porcupine กันอยู่แล้ว มีแพชชั่นเรื่องเครื่องดื่ม แล้วก็ชอบกินอะโวคาโดกันมาก ๆ เลยอยากเอามาทำเครื่องดื่ม โดยเริ่มจากการทำอะโวคาโดปั่น ซึ่งออกมาอร่อยมาก”

Read More