Mil Toast House บ้านขนมปังจากเกาหลี มาเปิดใจกลางสยามสแควร์แล้ว!
Mil Toast House มีชื่อจากขนมปังนึ่งหน้าตาน่ารัก กับลุคคาเฟ่สุดมินิมอลแต่ให้ฟีลอบอุ่น ที่ใครไปเกาหลีก็พากันแวะไป แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปถึงเกาหลี เพราะสยามสแควร์เราก็มีแล้ว!
Mil Toast House มีชื่อจากขนมปังนึ่งหน้าตาน่ารัก กับลุคคาเฟ่สุดมินิมอลแต่ให้ฟีลอบอุ่น ที่ใครไปเกาหลีก็พากันแวะไป แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปถึงเกาหลี เพราะสยามสแควร์เราก็มีแล้ว!
Huus of Bread (ฮุสออฟเบรด) บ้านขนมปังที่เสิร์ฟ shokupan นึ่ง และโดนัทลูกครึ่งโชกุปังในนาม sho-nut ในโลเคชันที่เดินได้จาก BTS พระโขนง
คาเฟ่-ร้านอาหารสีสันสดใส ดีไซน์สวย ที่มากินได้ทั้งบรันช์ พิซซา พาสตา ไปจนถึงของหนักและขนมหวาน มีทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ แถมยังเปิดเช้าจรดดึกอีกด้วย!
ด้วยคาแรกเตอร์ความสดใส มีพลังบวก มองโลกในแง่ดี รวมกับสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์และผองเพื่อนในการ์ตูนเรื่องเดียวกัน บวกกับรสนิยมการแต่งร้านที่เรียบง่ายแต่ฟังก์ชัน และการจัดบรรยากาศของร้านที่คุมโทนอบอุ่น ใช้ไม้สีอ่อนเป็นหลัก มีตุ๊กตาน้องมะม่วงและภาพจากการ์ตูนอยู่ในร้านอย่างพอเหมาะพอดี (รวมถึงของน่ารักกุ๊กกิ๊กที่ซื้อกลับบ้านได้อีก) ไหนจะมุมปูเสื่อญี่ปุ่น เจาะช่องเป็นหน้าต่างบานยาว ให้ขึ้นไปนั่งสบาย ๆ ดูวิวเมืองเก่าอีก กลายเป็นคาเฟ่สุดชิลที่ถ้าคนไม่เยอะแล้วเราก็จะอยากไปหย่อนใจบ่อย ๆ เลย
One roast fits all - ที่นี่เขาใช้เมล็ดกาแฟเดียวกันทั้ง filter และ espresso เลย!
เริ่มจากน้ำแข็งไสสุดเจ๋งก่อนเลย ลูกหลานไหหลำอย่างเรา เห็นเจ้าน้ำแข็งไสแป้งปั้น ใส่ถั่วลิสงคั่วแบบรูปแรกนี้ก็นึกถึงโบ๊กเกี้ยขึ้นมาเป็นอย่างแรก ถึงจะใกล้เคียง แต่โบ๊กเกี้ยชามนี้ มากับเยลลี่กาแฟ และน้ำเชื่อมฟิกแห้งกับกานพลู นวล ๆ หอม ๆ ซับซ้อนกว่าที่เคยกินทั่วไปมาก แต่ก็ยังทำให้นึกถึง แยบยลอะไรขนาดนี้ [gallery columns="2" size="large" link="none" ids="12129,12135"] แต่ทีเด็ดคือน้ำแข็งไสอีกชาม ที่สดชื่นจากบรรดาผลไม้ฉ่ำน้ำอย่างส้มโอ แตงโม แตงกวา เพิ่มสัมผัสด้วยลูกชิดอ่อน ๆ กับพิสตาชิโอ รวมกันแล้วยกให้เป็นน้ำแข็งไสที่เท่สุดในชีวิตเลยก็ได้ ดีมากฉ่ำมาก และทำหน้าที่ดับกระหายในหลายเลเวลและมิติ แนะนำเลยถ้าใครไม่เกลียดแตงกวา ต้องโดน คอมบิเนชันน้ำแข็งไสมาเหนือขนาดนี้ เราก็อดถามไม่ได้ว่าเป็นมายังไง เลยได้ความว่าเป็นร้านน้องสาวของ Ku Bar นี่เอง แน่นอนว่าลิสต์เครื่องดื่มก็ไม่ธรรมดา เราโดนโทนิคทำเองจาก Ku Bar ท้อปโซดา บีบมะนาว หอม หวานอ่อน ๆ ขมแค่ปลาย ในเมนูยังมีชา
สำหรับร้านกาแฟที่เพิ่งเปิด นอกจากคนจะเริ่มแน่นแล้ว อีกสิ่งที่เราสัมผัสได้เมื่อมาเยือน Nana Hunter สาขาใหม่ล่าสุดในเครือร้านกาแฟ-โรงคั่ว NANA Coffee Roaster ก็คือ theme ที่แน่นมาก แสดงออกมาชัดจนเราไม่ต้องสะกิดใครมาถามเลย ถ้าไม่นับรวมชื่อร้าน เราก็ยังไล่ได้ตั้งแต่ลูกโลกยักษ์ที่ห้อยอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์สี่เหลี่ยมกลางร้าน ไปจนถึงเมนูที่มีกาแฟให้เลือกกว่าสามสิบรายการ และถาดเสิร์ฟกาแฟที่สลักลายแผนที่ทวีปแหล่งปลูกกาแฟอย่างแอฟริกาและอเมริกาใต้ [gallery columns="2" size="large" ids="12012,12009"] อีกหนึ่งคอนเซปต์ที่ตีคู่ไปด้วยกันคือการแบ่งโปรไฟล์รสชาติกาแฟออกเป็น อดีต ปัจจุบัน อนาคต ให้เลือกได้ว่าชอบกาแฟโทนช็อกโกแลต ถั่ว คาราเมล (แทนกาแฟยุครุ่งเรืองในอดีต) โทนผลไม้ ดอกไม้ (กาแฟที่คนเริ่มดื่มกันในปัจจุบัน) หรือว่ากาแฟละเอียดซับซ้อนขึ้นไปอีก (อนาคต) ให้เลือกวิธีการชงได้ ตั้งแต่ดริปไปจนถึงไซฟอน ที่มีดีกรีแชมป์ไซฟอนเป็นจุดขาย วันที่เราไปแน็ต - กษมา กันบุญ แชมป์ปี 2018 ยืนบาร์ไซฟอนอยู่เองด้วย ส่วนราคาก็อยู่ในช่วง 200-600 บาท โดยตัวที่ราคาสูงสุดคือเมล็ดแชมป์ [gallery columns="2" size="large"
ข่าวดีสำหรับคนรักอโวคาโด เมื่อร้านน้องใหม่ล่าสุดในอารีย์คือคาเฟ่อโวคาโดสีเจ็บที่มีชื่อกวนชวนงงว่า Oh! Vacoda ก่อนจะไปรู้จักร้านมากกว่านี้ เราขอกรี๊ดเจ้า Avoothie (อ่านว่า อะวู้ตตี้, 150 บาท) สมูตตี้อโวคาโดเข้มข้น ผสมน้ำมะนาว ที่ฟินคือความครีมมี่หนาข้นเพราะปั่นแบบไม่ใส่น้ำแข็งเลย ได้อโวแบบเต็ม ๆ บอกเลยว่าห้ามพลาด! โอ้วาโคด้า มาจากการผวนแล้วผวนอีกของ อะโวคาโด พระเอกของร้านนี้ เป็นผลงานสีพีชชิ้นล่าสุดของหุ้นส่วนจากร้าน Porcupine Cafe ในย่านเดียวกัน เพียงพลอย-รุจิยาทร โชคสิริวรรณ เจ้าของร้านในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีเขียว-ขาว กับหมวกนิวส์บอย และรองเท้าหนังสีดำข้อสั้น เดินง่วนในร้านทำตั้งแต่ทักทายลูกค้า รับออร์เดอร์ ทำอาหาร เครื่องดื่ม เสิร์ฟ ไปจนถึงเก็บจานชามใช้แล้ว พร้อมกับบอม-วัชรพงษ์ ทองยาน เจ้าของร้านอีกคนซึ่งเป็นคนรักของเธอนั่นเอง “พวกเราเป็นหุ้นส่วนร้าน Porcupine กันอยู่แล้ว มีแพชชั่นเรื่องเครื่องดื่ม แล้วก็ชอบกินอะโวคาโดกันมาก ๆ เลยอยากเอามาทำเครื่องดื่ม โดยเริ่มจากการทำอะโวคาโดปั่น ซึ่งออกมาอร่อยมาก”
พอพี่ ๆ Eattaku เจ้าของพ็อกเก็ตบุ๊ก Tokyo Cafe Guide บอกเราว่า Kurasuร้านกาแฟจากเกียวโตจะมาเปิดในกรุงเทพฯ (มาแบบเงียบ ๆ แต่มาเร็วแซงเจ้าใหญ่อย่าง % Arabica ที่ยังต้องรออีกหลายเดือน) เราก็เลยยกมือขอตามไปด้วยตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา วันเปิดร้านวันแรกเลย! นอกจากกาแฟที่มีทั้งเมล็ดเบลนด์ของร้าน และซิงเกิลออริจิน (เอสเพรสโซเริ่มที่ 100 บาท ส่วนดริปเริ่มที่ 120 บาท) ก็ยังมีสิ่งอื่น ๆ ที่ร้านทำดีจนเราประทับใจ ทั้งมัตฉะที่เลือกของ Morihan จากแหล่งมัตฉะอย่าง Uji ในเมืองเกียวโต และช็อกโกแลตที่เลือกใช้ของไทยจากแบรนด์ Shabar เราชิมช็อกโกแลตเย็น (130 บาท) ที่ออกกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวของช็อกโกแลตชัด แต่รสเบาละมุนออกไปทางนมมากกว่า แถมขนมปังที่เสิร์ฟในร้าน แม้จะขายเป็นโทสต์กับถั่วแดงกวนและเนยแบบญี่ปุ่น ๆ (130 บาท) แต่ก็เลือกใช้ร้านขนมปังที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันอย่าง Salee Bakehouse แน่นอนว่าแค่ความใส่ใจในการเลือกวัตถุดิบเจ้าดี ๆ เจ้าโปรดของเราเหล่านี้ก็ได้ใจเราไปเลยตั้งแต่ยังไม่ชิมอะไรสักอย่าง ส่วนที่ไม่ใช่ของกินก็ยังมีเรื่องให้พูดถึง ตั้งแต่เมนูสองภาษาอังกฤษ-ญี่ปุ่น ที่วางเลย์เอาต์มาแบบเรียบ ๆ แต่มีสัญลักษณ์ช่วยให้ดูง่าย
เราเคยไป Kay’s ที่ซอยรางน้ำเมื่อสองสามปีมาแล้วตอนร้านเปิดใหม่ ๆ มารู้ข่าวอีกทีก็เห็นไปเปิดป๊อปอัพที่นิวยอร์กได้สักพัก กันความจี๊ดจ๊าดของแบรนด์ที่มีลูกเล่นมากขึ้น กับความจริงจังเรื่องเฟรนช์โทสต์ที่ไปไกลกว่าเดิม จนล่าสุดก็มาเปิดสาขาใน Open House เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่เราไปถึงแล้วตะลึงตั้งแต่ความเริ่ดของดอกไม้สีชมพูที่ทำให้ร้านเด่นสุดในชั้น นอกจากนี้ยังมีป้ายไฟติดไว้บนกระจกทำให้นอกจากหาง่ายแล้วยังเป็นมุมสวยเก๋ปังสุดในฟลอร์ไปเล้ย ส่วนอาหารแน่นอนว่ามาถึงก็ต้องสั่งเฟรนช์โทสต์แหละ แต่ช่วงนี้มีเมนูพิเศษ เป็น Truffle Hangover French Toasts (350 บาท) นึกภาพขนมปังบริยอชนุ่ม ๆ ชุ่มคัสตาร์ด กรอบนอกนุ่มในเนื้อเบา ออกหวานนิด ๆ มาปะทะกับความคาวของไข่คนนุ่ม ๆ โปะชีสละลาย ด้านในยังมีเห็ดกับผักร็อกเก็ต ปิดท้ายด้วยทรัฟเฟิลฝานสด ๆ อบอวลด้วยกลิ่นน้ำมันทรัฟเฟิลราดมาด้านบน จานนี้ใครเป็นสาย savory-sweet คือเข้าทาง บอกเลย อีกจานที่อยู่ในเมนูพิเศษเหมือนกันคือ Truffle Egg Benny (350 บาท) เอ้กเบเนดิกต์ที่เรียงชั้นจากขนมปังมัฟฟิน