Home2021

December 2021

Potong (โพทง) เป็นร้านอาหาร fine dining ของเชฟแพม-พิญชา อุทารธรรม ที่หยิบเรื่องราวจากตึกเก่าของครอบครัวในย่านสำเพ็ง มาตีความเป็นอาหารกลิ่นอายไทยจีน ผ่านเทคนิคอาหารตะวันตกที่เชฟชำนาญ

Read More

Tajimaya Shabu ชาบูพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่มีให้เลือกตั้งแต่เนื้อออสเตรเลียเคี้ยวเพลินไปจนถึงเนื้อวากิวที่พร้อมละลายในปาก

Read More

Polycat Concert Exhibition เล่าเรื่องราว 10 ปีของวงโพลีแคท ที่มาพร้อมกับคอนเสิร์ตเล็ก ๆ อบอุ่นหัวใจต้อนรับลมหนาวปลายปีแบบพอดิบพอดี

Read More

ช่วงนี้ใครเหนื่อยใจ ชวนมองมองความงามจากธรรมชาติรอบตัวมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ถ้าใครเคยซื้อชาจากร้าน สวรรค์บนดิน ที่เชียงราย หรือเคยเห็นปกหนังสือของ ว วชิรเมธี บางเล่ม เราจะเห็นภาพวาดสีน้ำเป็นรูปดอกไม้แบบเสมือนจริงไปจนถึงภาพวาดเซอร์เรียลมนุษย์หญิงสาวที่เต็มไปด้วยสรรพสิ่งธรรมชาติรายล้อมบนหัวแบบที่ดูแล้วแปลกตา แต่ในขณะเดียวกันก็สวยงามสบายใจอย่างบอกไม่ถูก นั่นคือเหตุผลที่ทำเราตกหลุมรักงานของ อิ๋ม-พุทธลักษณ์ ดาษดา ศิลปินสาวจากเชียงราย หลังจากที่ติดตามอยู่หลายปี ในที่สุดอิ๋มก็ได้มีโอกาสมาจัดแสดงงานครั้งแรกที่กรุงเทพฯ และเป็นการแสดงงานเดี่ยวครั้งที่ 2 ของเธอในชื่อ Alongside ภาพวาดของเธอยังคงเป็นแบบเซอร์เรียลโดยมีธรรมชาติเป็นองค์ประกอบหลัก แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือความหลากหลายของสรรพสิ่งที่มาอยู่ในภาพวาดของเธอมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อที่มีปีกเป็นใบไม้ หูลาโผล่แทนที่หูหญิงสาว นกที่มีหัวเป็นดอกไม้ หรือใส่เสื้อเหมือนคน ทำให้เราได้สนุกไปกับจินตนาการของเธอว่าจริงๆ แล้วธรรมชาติรอบตัวเราเป็นอะไรให้หลายอย่างให้เราได้จริงๆ แล้วแต่เราจะจินตนาการ "ในช่วงที่ผ่านมา มีคนมาคุย หลายคนอาจจะท้อ หมดกำลังใจ แต่เราอยากให้ทุกคนมองคุณค่าของชีวิตจากสิ่งเรียบง่ายที่อยู่รอบตัวเรา อยากให้คนรู้จักกับธรรมชาติรอบตัวเรามากขึ้น เราอาจจะพบกับความสุขรอบๆ ตัวที่เรามองข้ามไป จริงๆ แล้วทุกอย่างรอบตัวเรานำมาเป็นพลังใจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ แล้วที่สำคัญที่สุดคือ แม้เราจะไม่มีใคร แต่เรายังมีตัวเองเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้" อิ๋มอธิบายสิ่งที่เธอเชื่อ ที่เป็นไฮไลท์ของงานเห็นจะหนีไม่พ้นโต๊ะไม้ที่จัดวางรวมกลุ่มกลางห้องนิทรรศการ แถมยังแต่งแต้มเรียงรายไปด้วยผีเสื้อเหล็กที่จัดวางอยู่กระจัดกระจาย ห้องด้านในสุดยังจัดคล้ายห้องนั่งเล่นไว้รับแขกของศิลปิน ซึ่งให้บรรยากาศคล้ายกับสตูดิโอของเธอที่เชียงราย เพราะเธอยกของตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์จากที่โน่นมาวางที่นี่ด้วยจริงๆ ช่วงนี้เจริญกรุงมีหลายนิทรรศการ ทั้ง

Read More

การกินเจเมืองตรังไม่ได้เป็นแค่เทศกาลกินผักให้ครบ 9 วัน 9 คืน แต่เป็นช่วงเดียวของปีที่ชาวเมืองจะมารวมตัวกันครั้งใหญ่เพื่อรักษาวิถีดั้งเดิมตามความเชื่อแบบลัทธิเต๋า จนกลายเป็นประเพณีที่ผูกจิตใจของชาวตรังเข้าด้วยกันในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สำคัญที่สุด -------- เมื่อปี 2562 เรามีโอกาสได้เดินทางไปร่วมงานเทศกาลกินเจ ที่เมืองตรัง ซึ่งเราขอออกตัวก่อนเลยว่าการกินเจกับเราค่อนข้างห่างเหิน เราไม่ได้ถือสัมผัสกับการศีลกินผัก แต่เราสนุกกับอาหารการกินช่วงเจเหมือนกัน โดยเฉพาะเมนูดั้งเดิมที่ปรุงด้วยวัตถุดิบเรียบง่ายอย่างเต้าหู้ แป้ง และผักชนิดต่าง ๆ มากกว่าโปรตีนหลากชนิดที่มีให้เลือกมากมายในยุคนี้ แล้วพอเจ้าบ้านที่ตรังออกปากชวนให้ตามไปดูวัฒนธรรมการถือศีลกินผักของเมืองตรัง ซึ่งถือว่ามีความดั้งเดิมที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ ทำให้เราตกปากรับคำแทบไม่ต้องคิด วัฒนธรรมการถือศีลกินผักของตรังมากับบรรพบุรุษจีนเชื้อสายฮกเกี้ยนเมื่อครั้งอพยพมาตั้งรกรากที่เมืองตรัง จนกลายเป็นประเพณีฝังรากลึกของชาวจีนในจังหวัดตรัง เป็นการรวมตัวกันเพื่อแสดงความสามัคคี แสดงความศรัทธาต่อเทพ ไม่ว่าจะเป็นชาวตรังที่อาศัยในจังหวัด และชาวตรังที่จากบ้านไปอยู่ที่อื่นก็จะกลับมาในช่วงนี้มากกว่าเทศกาลปีใหม่ หรือตรุษจีนซะอีก เรียกว่าเป็นการรวมญาติคนตรังพร้อมหน้าที่สุดในรอบปีเลยล่ะ ความตั้งใจของเราในการไปเยือนตรังครั้งนี้คือไปดูประเพณีถือศีลกินผัก และอาหารการกินในช่วงกินเจที่เราได้ไปสัมผัสมาในช่วงสั้น ๆ แค่ 6 วัน แต่ก็ทำให้เราติดใจทั้งตัวผู้คน อาหาร และบรรยากาศจนอยากกลับไปตรังอีก ใครอยากรู้ว่าเทศกาลกินเจที่ตรังเป็นยังไง ตามเรามาเปิดโลกอาหารเจที่ตรังด้วยกันเลย   การผูกปิ่นโต และกองทัพโรงครัว เมื่อมีการรวมตัวของคนจำนวนมากในคราวเดียว เรื่องเตรียมอาหารการกินย่อมเป็นเรื่องใหญ่ตามไปด้วย ยิ่งเป็นช่วงพิธีกรรมเลยมีทั้งอาหารคน และอาหารเทพ ที่สำคัญที่ตรังยังมีประเพณีช่วงเทศกาลกินเจแบบที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นั่นคือการ “ผูกปิ่นโตกับโรงพระ” ปกติศาลเจ้าจะมีโรงทานทำอาหารไว้ให้คนที่ทานเจได้แวะเวียนเข้ามาทานและบริจาคเงินสนับสนุนอยู่แล้ว แต่คนที่นี่เลือกบริจาคเงินให้กับโรงพระเพื่อนำปิ่นโตมารับอาหารเจที่ปรุงโดยทีมครัวของโรงพระ เพื่อนำกลับไปทานที่บ้านกับครอบครัว

Read More

ต้น-เกษมวิทย์ ชวีวัฒน์ (Poorboy Life) ชวนมองเรื่องโลก และสิ่งแวดล้อม ผ่านทางสีสันและความสดใสของตัวละคร Poorboy ผองเพื่อน และดอกเดซี่ที่ยิ้มให้เราทั้งงาน :)

Read More

Mil Toast House มีชื่อจากขนมปังนึ่งหน้าตาน่ารัก กับลุคคาเฟ่สุดมินิมอลแต่ให้ฟีลอบอุ่น ที่ใครไปเกาหลีก็พากันแวะไป แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปถึงเกาหลี เพราะสยามสแควร์เราก็มีแล้ว!

Read More

Guss Records คือแบรนด์ใหม่ของทีม Guss Damn Good ที่หยิบอาหาร-ขนม ในความทรงจำที่ประทับใจ มาบอกเล่าในแบบฉบับของตัวเอง และรสชาติแบบที่พวกเขาชอบที่สุด

Read More

ครั้งล่าสุดที่เราจุดเทียนเองคือตอนไหน? - คำถามนี้ทำเราคิดกับตัวเองนานเหมือนกันว่านอกเหนือจากเทียนวันเกิดแล้ว ครั้งล่าสุดที่จุดเทียนคือเมื่อไหร่ แล้วนอกนั้นเทียนไปอยู่ส่วนไหนของชีวิตเราบ้าง? สำหรับ เอ็ม-นริสา โพธิกุลชนันท์ เทียนแทบจะอยู่ทุกส่วนในชีวิต เพราะเธอชอบเทียนเป็นทุนเดิม เวลาไปเที่ยวไหนก็มักจะเดินเข้าร้านเทียนแล้วได้กลับบ้านมาสะสมเป็นประจำ ซึ่งเธอก็ยอมรับว่า ไม่ได้จุดทั้งหมดหรอกหรอก แต่แค่ได้ดมกลิ่นเทียน ได้เห็นรูปทรงเทียนก็มีความสุขแล้ว แม้จะเป็นทั้งนักเขียนไลฟ์สไตล์ นักธุรกิจโฮสเทลมาแล้ว แต่เมื่อเธอมีโอกาสได้เจอโรงงานทำเทียนเก่าแก่ที่สุดเจ้าหนึ่งของประเทศไทย ก็ทำให้เธอมองเห็นภาพตัวเองชัดขึ้นทันทีว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการมากที่สุดคือการได้ทำเทียนแบบที่เธอหลงใหลมาตลอด "จริงๆ เอ็มชอบเทียนมานานแล้ว เราไปเที่ยวไหนก็ซื้อเทียนมาสะสมเต็มไปหมด พอมีโอกาสได้ทำ Chand เราเลยอยากให้เห็นว่าเทียนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้ในทุกโอกาส ที่ต่างประเทศเทียนแทบจะอยู่ในชีวิตผู้คนตลอดเวลา เทียนตกแต่งบ้าน จุดเทียนทานข้าว จุดเทียนสร้างบรรยากาศ จุดเทียนฉลองวันพิเศษ หรือจุดเทียนสำหรับตัวเองเฉย ๆ ก็ตาม อยากให้คนเห็นว่าเทียนไม่ได้มีแค่เทียนหอมเท่านั้น เราเลยตั้งใจทำเทียนให้สามารถส่วนหนึ่งของช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิตได้" เอ็มเล่าให้ฟัง นั่นคือเหตุผลที่ร้านเทียนของเธอมีความหลากหลายตั้งแต่รูปแบบ กลิ่น และสีสันถึง 40 Pantone โดยเฉพาะเทียนทรงซิกเนเจอร์อย่างเทียนวันเกิดที่เธอเลือกมาเป็นสินค้าอย่างแรก และทำออกมามากถึง 18 สี แต่ไม่ได้แพ็ครวมกันเหมือนเทียนวันเกิดที่เราคุ้นเคย ทำให้สามารถเลือกแมทช์สีสันที่ชอบ ไล่สีเป็นเฉด หรือจะเหมาสีเดียวสุดโปรดไปเลยก็ได้ แถมเทียนทรงนี้ยังหล่อมาจากแม่พิมพ์วินเทจที่นำเข้าจากเยอรมนีเมื่อ 40

Read More

ช่วงวิกฤติทำให้เราได้เห็นการพัฒนาตัวเองของเหล่าคนทำเครื่องดื่มบ้านเราไปไวมาก​ ทั้งบาร์ และกาแฟ ล่าสุดร้านกาแฟโปรดของเราในเชียงใหม่อย่าง Graph Coffee co ก็ออกเครื่องดื่มกระป๋องอัดไนโตรเจนมาให้สายกาแฟและคนชอบเครื่องดื่มคราฟต์โซดาได้สนุกกับรสชาติใหม่ ๆ กันทีเดียว 6 รสไปเลย   โดยเฉพาะรสโคลาที่ทางร้านหาวัตถุดิบท้องถิ่นมาผสมจนออกมาเป็นโคลากลิ่นเฉพาะตัวที่เรากินแล้วชอบอย่างบอกไม่ถูก    คุณตี่ – ฆฤพร สาตราภัย ผู้ก่อตั้ง Graph Coffee Co บอกกับเราว่า การทำเครื่องดื่มกระป๋องเป็นแรงบันดาลใจของแบรนด์เองที่ตั้งใจจะผลิตเครื่องดื่มกาแฟโคลด์บริวกระป๋องอัดไนโตรเจนให้ได้เป็นเจ้าแรกในไทย บวกกับความที่แบรนด์ผลิตโซดาเองสำหรับใช้ทำเครื่องดื่มคราฟต์โซดาเสิร์ฟในร้านมาสักระยะแล้วจึงนำ know how มาผลิตเครื่องดื่มกระป๋องออกขายพร้อมกันเลย   “เรามองเป็นความท้าทายของเราเองที่จะทำได้ไหม โดยเฉพาะการเสิร์ฟไนโตรโคลด์บริวในที่ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้แท็ปกดก่อนเสิร์ฟ เรามองว่าแม้กระทั่งการกดจากแท็ปโดยตรงก็ไม่สามารถรักษาฟองไมโครโฟมเล็กๆ ได้ เพราะแค่ 2 นาทีฟองก็หมดแล้ว แต่เราสามารถพัฒนาอัดลงกระป๋องส่งไปที่ไหนก็ได้ และเปิดดื่มได้ทันที มันน่าสนใจมาก”    คุณตี่บอกว่า จริง ๆ แล้วกาแฟสกัดเย็นอัดไนโตรเจนลงกระป๋องไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะต่างประเทศสามารถทำได้เป็นปีแล้วเพราะมีเทคโนโลยีดีกว่า แต่ด้วยความท้าทายคือเขาเองก็ไม่สามารถลงทุนได้เหมือนต่างประเทศที่ต้องมีเงินลงทุนอย่างน้อย 5 ล้านบาท จึงเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับแบรนด์กาแฟเล็ก ๆ ของเขาที่จะทำออกมาด้วยความรู้ที่มีจนออกมาเป็นกาแฟกระป๋องอัดไนโตรเจนสำเร็จ [gallery

Read More