Chand นักทำเทียนที่เชื่อว่าเทียนอยู่ในทุกโมเมนต์ของชีวิต

ครั้งล่าสุดที่เราจุดเทียนเองคือตอนไหน?


คำถามนี้ทำเราคิดกับตัวเองนานเหมือนกันว่านอกเหนือจากเทียนวันเกิดแล้ว ครั้งล่าสุดที่จุดเทียนคือเมื่อไหร่

แล้วนอกนั้นเทียนไปอยู่ส่วนไหนของชีวิตเราบ้าง?

สำหรับ เอ็ม-นริสา โพธิกุลชนันท์ เทียนแทบจะอยู่ทุกส่วนในชีวิต เพราะเธอชอบเทียนเป็นทุนเดิม เวลาไปเที่ยวไหนก็มักจะเดินเข้าร้านเทียนแล้วได้กลับบ้านมาสะสมเป็นประจำ

ซึ่งเธอก็ยอมรับว่า ไม่ได้จุดทั้งหมดหรอกหรอก แต่แค่ได้ดมกลิ่นเทียน ได้เห็นรูปทรงเทียนก็มีความสุขแล้ว

แม้จะเป็นทั้งนักเขียนไลฟ์สไตล์ นักธุรกิจโฮสเทลมาแล้ว แต่เมื่อเธอมีโอกาสได้เจอโรงงานทำเทียนเก่าแก่ที่สุดเจ้าหนึ่งของประเทศไทย ก็ทำให้เธอมองเห็นภาพตัวเองชัดขึ้นทันทีว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการมากที่สุดคือการได้ทำเทียนแบบที่เธอหลงใหลมาตลอด

“จริงๆ เอ็มชอบเทียนมานานแล้ว เราไปเที่ยวไหนก็ซื้อเทียนมาสะสมเต็มไปหมด พอมีโอกาสได้ทำ Chand เราเลยอยากให้เห็นว่าเทียนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้ในทุกโอกาส ที่ต่างประเทศเทียนแทบจะอยู่ในชีวิตผู้คนตลอดเวลา เทียนตกแต่งบ้าน จุดเทียนทานข้าว จุดเทียนสร้างบรรยากาศ จุดเทียนฉลองวันพิเศษ หรือจุดเทียนสำหรับตัวเองเฉย ๆ ก็ตาม อยากให้คนเห็นว่าเทียนไม่ได้มีแค่เทียนหอมเท่านั้น เราเลยตั้งใจทำเทียนให้สามารถส่วนหนึ่งของช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิตได้” เอ็มเล่าให้ฟัง

นั่นคือเหตุผลที่ร้านเทียนของเธอมีความหลากหลายตั้งแต่รูปแบบ กลิ่น และสีสันถึง 40 Pantone โดยเฉพาะเทียนทรงซิกเนเจอร์อย่างเทียนวันเกิดที่เธอเลือกมาเป็นสินค้าอย่างแรก และทำออกมามากถึง 18 สี แต่ไม่ได้แพ็ครวมกันเหมือนเทียนวันเกิดที่เราคุ้นเคย ทำให้สามารถเลือกแมทช์สีสันที่ชอบ ไล่สีเป็นเฉด หรือจะเหมาสีเดียวสุดโปรดไปเลยก็ได้ แถมเทียนทรงนี้ยังหล่อมาจากแม่พิมพ์วินเทจที่นำเข้าจากเยอรมนีเมื่อ 40 ปีมาแล้ว และราคาเริ่มต้นเพียงแท่งละ 12 บาท

Chand (ที่มาจากคำว่า Chandler หรือคนทำเทียน) น่าจะเป็นบูทีคช็อปของแบรนด์เทียนโดยเฉพาะแห่งแรก ๆ ของกรุงเทพฯ ที่นอกจากเทียนแล้วก็ยังมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเทียนอย่าง candle lighter ไฟแช็คจุดเทียนดีไซน์สวย candle warmer โคมไฟอุ่นเทียนสำหรับคนที่ไม่สะดวกจุดไฟในห้อง แต่อยากได้กลิ่นเทียนหอม ๆ ด้วย

เราตกหลุมรักหัวปักหัวปำไปกับเทียนกลิ่น Pluvio หนึ่งในห้ากลิ่นซิกเนเจอร์ของ Chand ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลิ่นของฝน ซึ่งกลิ่นให้ความเอิร์ธและอบอุ่นคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ส่วนชื่อก็มีรากมาจากภาษาละตินที่แปลว่าฝนนั่นเอง โดยนอกจากเทียนจากขี้ผึ้ง ก็ยังมีตัวเลือกเป็นเทียนถั่วเหลือง และน้ำมันมะพร้าว ที่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยกับคนใช้ โดยเอ็มยังเลือกติดกระจกใสที่ด้านหลังร้านเพื่อให้คนที่สนใจได้ให้เห็นกรรมวิธีการทำเทียนของที่ร้านด้วย

เรายังชอบเทียนเล่มหนาทรง Taper ที่เรียวลงตรงปลายเล็กน้อย เพราะว่าสวยคลาสสิกเหมาะสำหรับการแต่งบ้านหลายกสไตล์ แถมพอเห็นเฉดสีแล้วก็น่าเลือกเชิงเทียนสวย ๆ มาจับคู่ด้วยเป็นอย่างมาก ทั้งยังตื่นเต้นกับไอเท็มอย่าง กาวติดเทียน ที่เอาไว้ใช้กับเชิงเทียนเพื่อให้เทียนตั้งได้มั่นคงขึ้น แถมที่ร้านยังมีเชิงเทียนสวย ๆ ให้เลือกแบบไม่ต้องไปหาที่อื่นอีก

ด้านบนชั้น 2 ของร้านยังมีร้านแผ่นเสียง More Rice ของหุ้นส่วนอีกคนของ Chand อย่าง ต๊อป-ภัครภณ อนันตกฤตยาธร ดีเจที่ใช้ชื่อ DOTT และเจ้าของค่ายเพลง More Rice โดยที่นี่เน้นแผ่น electronic และ underground ทั้งจากศิลปินในค่ายและศิลปินแนวใกล้เคียงกันในเอเชีย

เราว่าโซนที่ตั้งของร้านนี้ (ในซอยสุขุมวิท 31) กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งโซนน่ารัก เพราะนอกจากตั้งอยู่บริเวณเดียวกับ Simple. Natural Kitchen ร้านอาหารเช้าที่เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติแบบดีต่อใจ แล้วก็ยังแว่ว ๆ ว่าจะมีเพื่อนบ้านเป็นแบรนด์ช็อกโกแลตชื่อดังมาอยู่ด้วยกัน แถมติดกับร้านยังเป็นบาร์ Proper ที่รอเปิดให้เราได้นั่งจิบดริงก์พร้อมเอ็นจอยกลิ่นเทียนสร้างบรรยากาศจาก Chand ไปด้วย

CHAND

235/4 ซ. สุขุมวิท 31
โทร. 094-798-9896
เปิด พุธ-อาทิตย์ 11:00-20:00 น.
(ร้านมีที่จอดรถ แต่จำกัดมาก ๆ)

 

 

 

Written by
No comments

LEAVE A COMMENT