\
Art Space by MOCA Bangkok ดูงานคอนเทมดี ๆ ได้ใจกลางเมืองแล้ว
—
สุดสัปดาห์วาเลนไทน์นี้ไม่รู้จะไปไหน เราอยากแนะนำให้ไปเดินสำรวจความรักกับนิทรรศการ Eat | Drink | Love ที่แกลเลอรีน้องใหม่ล่าสุดบนถนนเจริญกรุงอย่าง Art Space by MOCA Bangkok
แกลเลอรีนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม Four Seasons Bangkok ที่กลับมาทำให้ย่านเจริญกรุงที่ฮ็อตอยู่แล้วยิ่งท็อปฟอร์มขึ้นมาอีก เพราะนอกจากโรงแรม ร้านอาหาร บาร์และคาเฟ่แล้ว ที่นี่ยังมาพร้อมกับแกลเลอรีศิลปะของตัวเองอีก
ถึงชื่อจะดูง่าย พอเห็นว่า by MOCA Bangkok ก็ทำให้ดูมีอะไรขึ้นมา เพราะ Four Seasons เลือกทำงานกับพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยแห่งใหญ่ของกรุงเทพฯ อย่าง MOCA ที่เก็บรวบรวมงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินไทยไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ให้มาเป็นคิวเรเตอร์คัดเลือกศิลปินและผลงานมาจัดงานแสดง
EAT | DRINK | LOVE โดย นีโน่-สุวรรณี สาระบุตร ได้รับการหยิบยกขึ้นมาเป็นนิทรรศการแรกของที่นี่ งานก่อนหน้านี้ของนีโน่ที่โดดเด่นก็เช่น “What will we leave behind?” นิทรรศการเซรามิกกะโหลกชิ้นเล็กกว่า 125,000 ชิ้นพื้นบนทางเดินรอบเจดีย์วัดประยูรฯ ในงาน Bangkok Art Biennale 2018 ซึ่งตั้งคำถามกับผู้เข้าชมงานว่า หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต จะทำทิ้งอะไรทิ้งไว้บนโลกใบนี้บ้าง
ส่วนงานใหม่ครั้งนี้ถือเป็นงานต่อยอดจากนิทรรศการเดิมอย่าง Exploring Love ที่เธอทำเซรามิครูปหัวใจดวงใหญ่มาแล้ว แต่รอบนี้จัดทำหัวใจเพิ่มเป็น 199 ดวง โคมไฟขวดเรืองแสง 365 ขวด ผีเสื้อบินอีก 4,000 ตัว โดดเด่นด้วยโต๊ะอาหารยาว 12 เมตรวางกลางแกลเลอรีพร้อมจานชามบนโต๊ะประหนึ่งมีงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นี่
นีโน่เล่าให้เราฟังว่า หลายคนอาจจะเผชิญกับเรื่องเครียด หรือมีปัญหาในชีวิต แต่เธออยากให้ทุกคนได้หยุดคิด และหันกลับมามองว่า จริงๆ แล้วชีวิตเราล้วนมีสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข และเฉลิมฉลองให้กับชีวิตได้เสมอ
“เราอยากให้ทุกคนหันมามองชีวิตตัวเอง และเอ็นจอยไลฟ์ ใช้ชีวิตอย่างสวยงามให้เต็มที่ อย่างผีเสื้อ แม้จะเกิดมาบนโลกเพียงไม่กี่สัปดาห์เพื่อใช้ชีวิตแค่ช่วงสั้นๆ แต่ไม่มีวันไหนที่เขาไม่สวยเลย”
“ขวดเรืองแสงสื่อถึงสิ่งที่เราดื่มเข้าไปทุกวันคืออะไร อย่างขวดนมก็เป็นสิ่งที่เราไม่ได้เลือก แต่แม่เป็นคนเลือกให้เรากิน ขวดต่างๆ เป็นเหตุผลถึงสิ่งที่เราเลือกดื่ม แล้วแต่ดื่มไหนจะเข้ามาในชีวิตเรา เพราะไม่ใช่ว่าการดื่มไวน์ขวดเดียวกัน จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกันเสมอไป
“จานรูปหัวใจคือความรักที่เรามีให้กับสิ่งหลากหลายรอบตัวเรา ซึ่งเปลี่ยนไปทุกวันไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นความรักให้กับเพื่อนรักที่รักกันมากขึ้น หรือความรักที่มีให้กับเพื่อนที่ห่างกันแต่ก็ยังเฝ้าดู หรือจะเป็นความรักที่เรามีให้กับสิ่งต่างๆ รอบตัว เลยมีสัญลักษณ์หลากหลายสิ่งบนจานรูปหัวใจ การรักมากขึ้นหรือรักน้อยลงเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่สำคัญคือเรามีความรัก” นีโน่เล่าให้ฟัง
นอกจากแกลเลอรีแล้ว ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ทำให้เราอยากไปเยือน Four Seasons Bangkok โดยเฉพาะการออกแบบสถานที่ และแลนด์สเคปของโรงแรมที่เราให้เต็มสิบไม่หัก ที่มีเบื้องหลังคือบริษัทออกแบบระดับโลกอย่าง Hamiltons International และอินทีเรียชื่อดังอย่าง Jean-Michel Gathy เลือกใช้น้ำเป็นจุดเชื่อมพื้นที่ต่างๆ ของโรงแรม
เราเลยได้เห็นประตูล็อบบี้ขนาบด้วยหินแกะสลักลายสไบสูงจรดเพดาน รอยโค้งหยักเรืองแสงรูปแผนที่แม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ ไปจนถึงแสงแดงส้มสื่อถึงบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงริมแม่น้ำ แค่เดินเข้าโรงแรมก็รู้สึกเหมือนได้เดินเข้าไปดูงานศิลปะ บวกกับบรรยากาศเงียบสงบก็ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว
แอบบอกก่อนว่าเราไปชิมร้าน Riva Del Fiume ร้านอาหารอิตาเลียนใหม่ของที่นี่มาด้วย เจอกันโพสต์หน้านะ