RAMS ตำนานดีไซเนอร์สายมินิมัล ที่ชวนเรามองโลกให้ไกลกว่างานออกแบบ

ชวนทำความรู้จักกับ Dieter Rams ดีไซเนอร์สินค้าคอนซูเมอร์สายมินิมัลชาวเยอรมันที่พูดน้อยต่อยหนัก สร้างสินค้าที่ฉีกกฎความหรูเวิ่นเว้อด้วยดีไซน์เรียบง่ายจนประธานฝ่ายออกแบบของ Apple ยังยกให้เป็นไอดอล

ใครที่ชอบงานออกแบบสไตล์มินิมัล ช่วงนี้เราอยากแนะนำ​โปรแกรมหนังดีๆ ว่าด้วยเรื่องดีไซน์อย่าง Rams สารคดีเรื่องราวชีวิต แนวคิด และการออกแบบของ Dieter Rams นักออกแบบผลิตภัณฑ์ชาวเยอรมันที่ฉีกกฎการดีไซน์ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเครื่องแสดงความหรูหราให้ตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานพร้อมรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย พร้อมสโลแกน “Less but Better” 

หนังเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ Gary Hustwit ผู้กำกับที่ตัดสินใจขอระดมทุนในเว็บ Kickstarter เพื่อสร้างหนังสารคดีเรื่องนี้ ซึ่งเราก็ขอสารภาพว่าก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้รู้จักรามส์มากนัก แต่การได้ดูหนังทำให้เราค่อยๆ ทึ่งกับความเป็นตัวตนของดีไซเนอร์วัย 86 ปีรายนี้ที่ออกแบบรูปลักษณ์สินค้าดีไซน์ล้ำจากยุคที่เขาเริ่มต้นการทำงานเหลือเกิน 

หลังรอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 2 รามส์ก็เติบโตมาด้วยความฝันอยากเป็นสถาปนิกแต่มีโอกาสได้รับการทาบทามให้ลองมาเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของ Bruan บริษัทผลิตเครื่องใช้ภายในบ้านที่ต่อมาสร้างชื่อเสียงในเรื่องการออกแบบ เพราะสองพี่น้องเจ้าของบริษัทจริงจังกับการออกแบบผลิตภัณฑ์จนถึงกับตั้งแผนกดีไซน์ และทำงานร่วมกับ Ulm School of Design ในเยอรมันเพื่อออกแบบสินค้าสไตล์โมเดิร์น เน้นการใช้งานและผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าด้วยกัน พร้อมแต่งตั้งให้รามส์เป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Bruan

เราทึ่งกับวิสัยทัศน์ของรามส์ที่เลือกขบถกับแนวคิดเดิมๆ ของรูปลักษณ์สินค้าภายในบ้าน และหันมาออกแบบสินค้าด้วยสไตล์ที่เรียกได้ว่าปฏิวัติวงการ เพราะตัดทอนความเยอะของลวดลายและเส้นสายทุกอย่างลงเหลือแต่พื้นผิวเรียบๆ เน้นการใช้งานแบบที่เรียกว่าไม่ต้องอ่านคู่มือก็ใช้เป็น อย่างเช่นเครื่องอ่านแผ่นเสียง SK-4 ที่รวมวิทยุเข้าไว้ในเครื่องเดียวกัน หรือจะเป็นวิทยุทรานซิสเตอร์เคลื่อนที่ซึ่งเจ้าตัวขอเรียกว่า walkman เครื่องแรกของโลก เครื่องคิดเลขที่จัดวางแนวเลขพร้อมเครื่องมือบวกลบคูณหารเป็นเลย์เอาท์ใหม่จนกลายเป็นบรรทัดฐานที่ทั่วโลกใช้ในวันนี้

SK-4 เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ีรวมฟังก์ชั่นวิทยุเข้าด้วยกัน BRUAN เปิดตัวเครื่องรุ่นนี้ครั้งแรกปี 1956
Photo: MoMA

แน่นอนว่านอกจากตัวหนังจะได้พูดคุยสัมภาษณ์กับรามส์ และเห็นงานออกแบบสิ่งของต่างๆ แล้วหนังยังทำให้เราได้เห็นถึงแก่นความคิดเบื้องหลังการออกแบบผลิตภัณฑ์ และหลักการดีไซน์ที่ดี 10 ข้อของรามส์ที่อิงกับหลัก “Less but better” ของเขา ซึ่งใครสนใจสามารถเข้าไปอ่านที่ลิงก์นี้ ซึ่งเป็นเว็บของ Vitsœ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่รามส์ร่วมออกแบบมาตั้งแต่ปี 1959 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายออกแบบของแบรนด์เช่นกัน

งานออกแบบของ Rams ยังส่งผลต่อแนวคิดของดีไซเนอร์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะกับนักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่คนรู้จักกันทั่วโลกอย่าง Jonathan Ive อดีตประธานฝ่ายออกแบบของ Apple ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบเปลี่ยนโลกอย่าง iMac, iPod, iPhone, iPad, MacBook ซึ่งก็ออกตัวเลยว่าปู่ Rams เป็นสุดยอดแรงบันดาลใจในการออกแบบของเขา ซึ่งหลายคนมักจะนำ iPod ไปเปรียบเทียบกับวิทยุเคลื่อนที่รุ่น T3 ของรามส์ (ลองเข้าไปดู Link นี้) ขณะที่ความคลาสสิกของงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของดีไซเนอร์รุ่นเก๋า ก็ทำให้แบรนด์ Vitsœ ถึงกับต้องนำเก้าอี้รุ่นวินเทจที่รามส์เคยออกแบบกลับมาผลิตเพื่อจำหน่ายอีกรอบ

Dieter Rams by Gary Hustwit

แต่เราเชื่อว่าแก่นงานดีไซน์ของรามส์ต่างหากที่ทำให้งานดีไซน์ของเขาได้รับการยกย่องจากดีไซเนอร์รุ่นใหม่ และคนที่ชื่นชอบงานออกแบบ เพราะเขายึดหลักการ Less but Better ยกสิ่งไม่จำเป็นออกจากดีไซน์ และนำสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาใช้เพื่อให้เหลือไว้แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานที่จำเป็นเท่านั้น ขณะที่เจ้าตัวมักจะให้เครดิตกับทีมเสมอ โดยบอกว่างานดีไซน์ทุกชิ้น เขาร่วมออกแบบกันเป็นทีม ไม่ใช่เขาแค่คนเดียว

ปัจจุบันงานออกแบบของรามส์ได้รับการนำไปตั้งโชว์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะและดีไซน์สำคัญๆ หลายแห่ง ได้แก่ Design Museum ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ Museum of Modern Art หรือ MoMA ในนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา และ Museum Angewandte Kunst หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะประยุกต์ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมันที่เก็บรวบรวมงานศิลปะ กราฟฟิก และงานออกแบบจากทั่วโลก

Dieter Rams by Gary Hustwit

เรายังชอบการตั้งข้อสังเกตของรามส์ด้วยว่า ท้ายที่สุดแล้ว Design is Attitude หรือการออกแบบก็คือทัศนคติที่เรามีต่อตัวเองและโลกว่าเราจะออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยทัศนคติที่เราทำความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ และมองโลกในแบบที่เราเห็น เพราะการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นนั้น สามารถสะท้อนการใช้ชีวิตของเราที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมบริโภคนิยมซึ่งจะส่งผลต่อโลกและความยั่งยืนในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

เพราะอนาคตล้วนขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เราเลือกในตอนนี้ว่าจะให้โลกเราเป็นแบบไหน

ใครสนใจแวะไปดูที่ Bangkok Screening Room ฉายถึงวันที่ 4 ส.ค.นี้ สามารถเช็ครอบที่ลิงก์นี้ได้เลย  

Bangkok Screening Room 

ที่อยู่: Woof Pack Building 1/3-7 ซ.ศาลาแดง 1 สีลม
โทร. 090-906-3888

www.bkksr.com 

Written by
No comments

LEAVE A COMMENT