
ตอนออกมาจากโรง เราคุยกันกับเพื่อน ๆ ที่ไปดูด้วยกันแล้วพบว่า คนที่เป็นแฟนฮาร์ดคอร์ที่สุดของ ฟินเซนต์ ฟัน โคค หรือ “แวนโก๊ะ” เป็นคนที่ชอบหนังเรื่องนี้น้อยที่สุด ส่วนเราที่ชอบงานแวะโก๊ะแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องของเขา รู้สึกตรงจริตประมาณนึง
ด้วยความโดดเด่นทั้งในฐานะศิลปินและมนุษย์ที่มีชีวิตที่น่าสนใจคนหนึ่ง เราไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้จะมีหนังเกี่ยวกับแวนโก๊ะเกือบสิบเรื่องแล้ว ในหนังเวอร์ชันของ Paul Cox ผู้กำกับชาวออสเตรเลียเรื่องนี้ เขาพาเราไป “ฟัง” ความคิดและความรู้สึกของแวนโก๊ะ ทำความเข้าใจชีวิตและผลงานของเขาเพิ่มขึ้นอีกนิด ผ่านการอ่านจดหมายที่เขาเขียนถึง Theo น้องชายและผู้สนับสนุนเบอร์หนึ่งของเขา หนังเรื่องนี้มีดีกรีฉายในนิวยอร์กถึงสองปีเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องพูดถึงชีวิตของแวนโก๊ะตั้งแต่ก่อนช่วงเข้าสู่การเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว พูดถึงความเชื่อ ความผิดหวัง ความมุ่งมั่น ไปจนถึงความผิดปกติทางจิตของเขา พร้อมกับพูดถึงการทำงานและการเดินทางไปปักหลักแต่ละที่ ผู้คนและธรรมชาติที่เขาพบเห็น ไล่ไปจนถึงช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตของศิลปินคนนี้
ในฐานะคนที่ชื่นชอบศิลปะของแวนโก๊ะ แต่ไม่เคยสืบค้นประวัติของเขา เราชอบวิธีการเล่าเรื่องของหนังที่นำการอ่านจดหมายมาดำเนินเรื่อง พูดถึงเรื่องจากฝั่งแวนโก๊ะในแบบที่ปราศจากการเติมแต่งจากการเขียนบท เป็นการเล่าผ่านคำพูดของเขาเองตรง ๆ เพียงแต่เราไม่ได้ชอบภาพที่นำมาประกอบเรื่องเท่าไรนัก ในหนังพยายามนำซีนธรรมชาติ เมือง ผู้คนที่หน้าตาใกล้เคียงกับที่แวนโก๊ะบรรยายไว้มาประกอบ เพื่อนเราคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
“แวนโก๊ะเขาซึมเศร้าใช่ไหม และหนังก็เอาเราเข้าไปอยู่ในหัวของเขาแบบฮาร์ดคอเข้มข้น ชนิดที่เอาความทุกข์สิบปีมาไว้ในสองชั่วโมง”
พอเรื่องมันไม่สบายหัว และภาพซีนธรรมชาติ ฟุตเทจเก่า ตัดสลับกับงานของแวนโก๊ะ รวมกันพาให้หัวเราหนักกว่าเดิม ด้วยความอินของน้ำเสียงของนักแสดงอย่าง John Hurt ที่รับหน้าที่อ่านจดหมาย (ชัดมากจนบางคนอาจรู้สึกว่า dramatize เกินไป) เทคนิคของเราคือการหลับตาเป็นระยะๆ ฟังเฉพาะเสียง ซึ่งทำให้สบายขึ้นมากแล้วก็ยังอินได้ไม่แพ้กัน
เพื่อนที่เคยอ่านจดหมายมาหมดแล้วจากพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะในเนเธอร์แลนด์คาดหวังความสร้างสรรค์จากเรื่องนี้ ในขณะที่เราพบว่าการนั่งฟังเรื่องแวนโก๊ะจากปากเขาในสองชั่วโมงทำให้เรารู้จักเขามากขึ้นเยอะ ในขณะเดียวกันเราก็เห็นพัฒนาการของศิลปินที่ตั้งใจทำงานพัฒนาตัวเอง มองธรรมชาติผ่านเลนส์ของคนที่ชื่นชมมันมากคนหนึ่ง ฟังความคิดและความรู้สึกของผู้ป่วยซึมเศร้า รวมถึงแง่มุมความคิดของชายผู้ที่เรารู้สึกว่าไร้เดียงสาในบางแง่มุม
หลังดูเรื่องนี้จบพร้อมตะกอนความคิดและความรู้สึกตกอยู่ในใจ เราอยากไปรู้เรื่องราวจากฝั่งธีโอบ้าง ว่าในขณะที่ส่งเงินและอุปกรณ์ศิลปะให้พี่ชาย เขาทำอะไรอยู่ เขาคิดยังไง รู้สึกยังไง รวมทั้งสภาพสังคมในยุโรปในสมัยที่เขาอยู่ เพื่อจะเข้าใจเขามากขึ้นไปอีก
ตอนนี้มีฉายอยู่ที่ Bangkok Screening Room ถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 นี้ แนะนำให้จองตั๋วก่อน เพราะคนมาดูเยอะจนเต็มไปหลายรอบเลย
Bangkok Screening Room
ที่อยู่: Woof Pack Building 1/3-7 ซ.ศาลาแดง 1 สีลม
โทร. 090-906-3888
https://bkksr.com/
